เรื่องราวต่อไปนี้ หลายคนอาจจะเคยได้อ่าน ได้ฟังกันมาบ้างแล้ว เป็นเรื่องที่ครูประจำชั้นเล่าให้นักเรียนในห้องเรียนฟังอีกที เรื่องมีอยู่ว่า
สองสามีภรร ย า เดินทางออกไปล่องเรือท่องเที่ยวหลังทำงานหนักมานานปรากฏว่าเรือลำนั้น บังเอิญเจอ ม ร สุ ม ทางทะเล สองสามีภรร ย า เกาะซากเรือ ว่ายน้ำกระเสือกกระสน มาจนถึงเรือชูชีพ แต่กลับพบว่าบนเรือชูชีพ หนาแน่ไปด้วยผู้คนที่กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด ทั้งสองดูแล้วเห็นว่าพอจะมีที่ว่างแทรกตัวได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น หากลงไปอีกคนหนึ่งเรือต้องจมแน่ๆ
สามีดันภรร ย า ออกไปข้างหลังและรีบปีนขึ้นไปบนเรือชูชีพทันที
ภรร ย า จ้องมองสามี มือก็เกาะซากเรือที่ค่อยๆจมลง พร้อมกับตะโกนไปที่สามีประโยคหนึ่ง
เล่าถึงตอนนี้ อาจารย์ถามนักเรียนในชั้นเรียน พวกเธอเดาสิ ภรร ย า ของเขาตะโกนว่าอย่างไร พวกนักเรียนต่างพากัน โ ก ร ธ เ ก รี้ ย ว และพูดว่า ฉัน เ ก ลี ย ด คุณ ฉันมัน ต า บ อ ด ที่แต่งงานกับคุณ คำด่าท้อตัดพ้อต่างๆนานา
ทันใดนั้นเองอาจารย์สังเกตุเห็นนักเรียนคนหนึ่งทำหน้า เ ศ ร้ า ไม่พูดไม่จาตลอดเวลาที่ครูเล่าเรื่อง ก็เลยถามนักเรียนคนนั้นว่าเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?
นักเรียนคนนี้พูดว่า…อาจารย์คะ หนูคิดว่าผู้หญิงคงจะตะโกนว่า
“ดูแลลูกเราให้ดีๆนะคะ”
อาจารย์ตกใจมาก ถามว่า เธอรู้ได้อย่างไร มีใครเคยเล่านิทานเรื่องนี้ให้เธอฟังแล้วหรอกหรือ
นักเรียนส่ายหัวตอบ “ไม่เคยค่ะ แต่ตอนที่แม่หนู ป่ ว ย หนัก ก่อนจากไปแม่ก็ได้พูดแบบนี้กับพ่อหนู” อาจารย์ซึ้งใจและพูดว่า…คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้องจ้ะ
อาจารย์จึงได้เล่าต่อ เรือจมลงไปแล้ว เรือชูชีพได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงที่ผ่านมา เมื่อผู้ชายกลับไปถึงบ้าน เขาเลี้ยงดูบุตรสาวตามลำพังจนเติบโต
หลายปีต่อมา ผู้เป็นสามี ป่ ว ย และจากไป ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ พบไดอารี่เล่มหนึ่ง เมื่อเปิดอ่านดูจึงรู้ว่า ที่แท้พ่อกับแม่ไปเที่ยวเรือสำราญ เพราะแม่เองก็ ป่ ว ย เป็น โ ร ค ที่ รั ก ษ า ไม่ได้ ไม่มีวันหาย และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่เดือน เงื่อนเวลาแห่งวินาทีชีวิตมีเท่ากัน พ่อจึงฉวยโอกาสเดียวที่จะรอดชีวิตนี้ กลับมาดูแลลูกสาวที่ยังเ ย า ว์วัยของพวกเขา
เขาเขียนในไดอารี่ว่า…ที่รัก! ฉันอ ย า กจะจมลงใต้ทะเลไปพร้อมเธอ แต่ฉันทำไม่ได้ เพื่อลูกสาว ฉันจำต้องปล่อยให้เธอ นอนหลับ ย า วอยู่ใต้ทะเลลึกเพียงลำพัง
เมื่อนิทานเล่าจบ ห้องเรียนเงียบกริบ อาจารย์รู้ว่านักเรียนต่างก็เข้าใจนิทานเรื่องนี้กันหมดแล้ว ความดีและความ ชั่ ว ในโลกนี้ บางครั้งดูสับสนไม่ชัดเจนจนแยกแยะไม่ออก เพราะฉะนั้นอย่าตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน
ผู้เป็นภรร ย า ยอมจบชีวิตตนเองลงเพื่อให้สามีได้กลับไปดูแลลูกสุดที่รัก หากเป็นเธอที่รอดกลับไป เธอก็มิอาจจะอยู่ดูแลหรือทำในสิ่งที่สามีทำต่อได้ นั่นคือการเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
เรื่องนี้ให้แง่คิดหลายอย่าง ทำให้เรามองภาพรวมของคนในสังคมได้เป็นอย่างดี เคยเห็นคนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อนเวลาไปร้านอาหารด้วยกัน จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะมีเงินมากไป แต่ให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง เวลาทำงาน คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่น ไม่ใช่เขาโง่ แต่เขารู้หน้าที่
หลังจากทะเลาะกัน คนที่ขอโทษก่อน ไม่ใช่เขาผิด แต่เขารู้จักทนุถนอมคนข้างกาย คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ ไม่ใช่เขาติดค้างอะไรคุณ แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้ คนที่ส่งข่าวสารให้คุณบ่อยๆ ไม่ใช่ว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะว่าในใจเขานึกถึงคุณ
กาลเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วมิอาจเอาคืนมาได้ ชีวิตก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น หากวันนี้มีสิ่งที่รักอยู่ จงทำดีให้มากเข้าไว้ ทำดีต่อทุกคนเสมือนว่าพรุ่งนี้เราจะไม่ได้ทำมันอีกต่อไป
เรียบเรียงโดย ปริญญาชีวิต