หลายคนคงรู้จัก แบ้งค์ ธิติ ผ่านละครเรื่องแรก ที่สวมบทบาทเป็น นน ในซีรีย์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น, เน (เพื่อนเฮี้ยน โรงเรียนหลอน), เม่น(STAY ซากะ…ฉันคิดถึงเธอ) ผลงานละคร ภาพยนต์ และซีรีย์อีกมากมาย และที่หลายคนคุ้นตาเป็นอย่างดี ในภาพยนต์ “อ้ายคนหล่อลวง” ที่รับบทเป็นเพชร
เบื้องหน้า ในวงการ แบ้งค์ดูเหมือนลูกคุณหนู ทายาทเจ้าของโรงแรม 4-5 แห่ง แต่ความเป็นจริงแล้ว เบื้องหลัง เขาคือคนที่ทำงานและทุ่มเทเพื่อครอบครัว มีหน้าที่ใหญ่มากที่ต้องรับผิดชอบ จากสิ่งที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ให้ลูก
แบ้งค์ เผยในรายการ “วันบันเทิง Talk” ว่า ภายนอกคนอาจจะมองแบบนั้นแหล่ะ แต่ความจริงอาจจะไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็น บ้านเขามีธุรกิจโรงแรม 4-5 แห่งก็จริง แต่หลังบ้าน มันไม่ได้สวยงามแบบที่คนภายนอกคิด
พ่อแม่ไม่ใช่คนที่มีเงินมาแต่แรก ชีวิตพ่อแม่ไม่เคยสบาย สู้มาตลอดตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย จนสามารถมีธุรกิจอพาร์ตเม้นต์ และโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งในวัยเด็ก เขายังจดจำช่วงเวลาที่ลำบากได้เป็นอย่างดี
จากที่เคยอยู่แฟลต มาสู่บ้านหลังเล็กๆ ห้องพักที่ต้องนอนบนพื้น จนมีอพาร์ตเม้นท์เป็นของตัวเอง แต่แม่ก็ยังทำหน้าที่ แม่บ้าน พ่อเป็น รปภ. เพราะไม่มีเงินจ้างคนมาทำงานแทน
ชีวิตเคยถึงจุดที่ไม่มีเงินจริงๆ
พ่อแม่ก็ยังดิ้นรนพยายามทำทุกอย่าง ให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ตอนแรกก็เป็นอพาร์ตเม้นต์รายเดือน ต่อมาก็ขยายจนกลายเป็นโรงแรม เป็นการบริหารเงินที่ไม่รู้เขาทำยังไงเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มาถึงจุดที่ต้องจ่าย
ทุกวันนี้แบงค์ต้องช่วยที่บ้านหาเงินจ่ายธนาคาร ประมาณ 7 หลักต่อเดือน คือเดือนละประมาณ ล้านกว่าบาท เพราะที่กู้มามีทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
เขาทำงานในวงการบันเทิงมา 8-9 ปี ไม่เคยมีเงินเก็บเป็นของตัวเองเลย เพราะต้องเอาเงินทุกบาทไปช่วยครอบครัว และรายจ่ายรายเดือนมันเยอะมาก
สำหรับเขาคำว่า “ลูกคุณหนู” มันไม่ใช่เลย เงินที่หามาได้เองส่วนใหญ่ก็เอามาใช้หนี้ให้ครอบครัวทั้งหมด แต่ก็มองนะว่าเป็นเรื่องที่ถูกและควรทำ เพราะสิ่งที่พ่อแม่สร้างมาทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเลย ถ้าทุกอย่างหายไปมันก็ไม่ได้เกิดอะไรกับตัวเขาอยู่แล้ว เพราะทั้งหมดที่ทำ พ่อกับแม่ทำเพื่อลูก
แบ้งค์รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างก็จะตกเป็นของตนเองและน้อง เพราะพ่อแม่เริ่มปูทางไว้ให้แล้ว
เลยรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของตัวเองที่จะต้องช่วยเขา เพราะมันคือหน้าที่ของเรา เขาเลี้ยงดูเรามาจนโต และซัพพอร์ตเสมอ ไม่เคยห้ามให้ทำอะไรที่อยากทำเลย
คิดว่านี่แหล่ะคือการตอบแทนบุญคุณ
แบ้งค์บอกแม่เสมอว่า “ผมไม่ต้องมีก็ได้นะ” แต่อยากให้พ่อแม่เลิกทำงานได้แล้ว ให้พักผ่อน มาใช้เงินได้แล้ว พ่อแม่ทำงานตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ 50-60 ยังไม่มีโอกาสใช้เงินเลย
พ่อกับแม่ประหยัดมาก ไม่เคยสุรุ่ยสุร่ายเลย
ยังเคยคุยกับพ่อแม่เลยว่า เราขายทุกอย่างทิ้งไหม แล้วใช้หนี้ เราก็เหลือ คือถ้าเอาเงินที่หามาได้ โดยไม่ต้องมาใช้หนี้หรือจ่ายดอกเบี้ย แบบตอนนี้ แบ้งค์สามารถดูแลครอบครัวได้สบายมาก จากรายได้การเป็นนักแสดงที่หามาทั้งหมด
แต่ก็มองว่าทุกอย่างคือการลงทุน เพราะสุดท้ายถ้าใช้หนี้หมด ก็ยังเป็นรายได้เราในอนาคต เป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อแม่อยากทิ้งไว้ให้ลูก เผื่ออนาคตไม่่มีงานแสดงแล้ว มันก็คือเบาะรองรับลูกในวันที่ตกลงมา
ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ดารานักแสดงหน้าใส ทายาทเจ้าของโรงแรมจะมีมุมที่หนักขนาดนี้อยู่เหมือนกัน
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ ทุกคนก็มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าใครจะสู้ และสู้เพื่อใคร
ภาพจาก Instagram bank_thiti, วันบันเทิง Talk